แขวงทางหลวงสมุทรสงคราม
samutsongkhram
วิสัยทัศน์ : " มุ่งมั่นพัฒนาตามมาตรฐาน ผสานความร่วมมือทุกเครือข่าย เส้นทางปลอดภัย ใส่ใจเข้าถึงประชาชน "
 
ดูทั้งหมด ข่าวสารทางหลวง
title
16
พฤศจิกายน
2566

กรมทางหลวง โดย สำนักก่อสร้างสะพาน แจ้งเบี่ยงการจราจรบนทางหลวงหมายเลข 35 (พระรามที่ 2) เพื่อดำเนินการโครงการก่อสร้างทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 สายธนบุรี –ปากท่อ ตอนทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน – เอกชัย ตั้งแต่ กม. 11+960 ถึง กม.20+295 รวมระยะทาง 8.3 กม.และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางขุนเทียน – บ้านแพ้ว (m82) ช่วง กม. 20+ 295 ถึง กม. 36+645 รวมระยะทาง 16.4 กม. ดังนี้ 1. ปิดการจราจรช่องทางหลัก เบี่ยงใช้ทางคู่ขนาน ทั้งขาเข้าและขาออก ตั้งแต่เวลา 21.00 – 05.00 น. ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค. 2566 เป็นต้นไป จนกว่างานก่อสร้างจะแล้วเสร็จ2. เบี่ยงการจราจรช่องขวาสุดบนเส้นทางหลัก ทั้งขาเข้าและขาออก ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2566 เป็นต้นไป จนกว่างานก่อสร้างจะแล้วเสร็จ กรมทางหลวงขออภัยในความไม่สะดวกเป็นอย่างสูง โดยในระหว่างดำเนินโครงการก่อสร้างฯ ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ และตำรวจทางหลวง อำนวยความสะดวกการจราจแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนและประชาชนทั่วไป หากประชาชนมีความจำเป็นต้องเดินทาง โปรดระมัดระวังและเผื่อระยะเวลาในการเดินทาง รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ใช้ทางปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำทางเลี่ยง และสัญญาณจราจรที่ติดตั้งไว้ เพื่อความสะดวกและปลอดภัยของผู้ใช้ทาง ทั้งนี้ ผู้ใช้เส้นทางดังกล่าวและประชาชนทั่วไปสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือแจ้งเหตุต่างๆระหว่างดำเนินการได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางขุนเทียน – บ้านแพ้ว โทร.063-192-1586    

title
16
พฤศจิกายน
2566

title
12
กรกฎาคม
2564

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ประกาศล็อกดาวน์กรุงเทพฯ และปริมณฑล 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนครปฐม และจังหวัดสมุทรสาคร โดยห้ามออกนอกเคหสถานในระหว่างเวลา 21.00 น.- 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID – 19 ให้อยู่ในวงจำกัด และสามารถควบคุมการระบาดได้อย่างรวดเร็วกระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวง จึงได้ดำเนินการให้สอดคล้องตามประกาศดังกล่าว โดยจะปิดการจราจรบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ทั้ง 2 สายทางบางส่วนเป็นการชั่วคราว ได้แก่ มอเตอร์เวย์หมายเลข 7 กรุงเทพฯ – ชลบุรี – พัทยา – มาบตาพุด และมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 ช่วงบางปะอิน - บางพลี และช่วงสุขสวัสดิ์ - บางขุนเทียน ระหว่างเวลา 21.00 น. ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ทั้งนี้ จะเปิดให้มีการจราจรได้ในบางช่องจราจรเท่าที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจราจรของบุคคลที่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามข้อ 2 หรือได้รับการยกเว้นตามข้อ 4 ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27) สำหรับบุคคลที่ได้รับการยกเว้นการห้ามออกนอกเคหสถานในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่ ผู้ป่วยหรือผู้ปฏิบัติงานในการให้บริการด้านสาธารณสุข ผู้ขนส่งสินค้าเพื่อประโยชน์ของประชาชน ผู้ปฏิบัติงานขนส่งหรือขนย้ายประชาชน ผู้ให้บริการหรืออำนวยประโยชน์หรือความสะดวกแก่ประชาชน และผู้ประกอบอาชีพที่จำเป็น จะต้องปฏิบัติให้เป็นตามข้อกำหนด และสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่บริเวณด่านเก็บเงินค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ เพื่อขออนุญาตใช้เส้นทางได้ทั้งนี้ กรมทางหลวงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่สำหรับการปิดการจราจรและเตรียมพร้อมสนับสนุนการปฏิบัติงานร่วมกับตำรวจทางหลวง กรณีที่อาจมีการตั้งจุดคัดกรองยานพาหนะที่ได้รับอนุญาตเดินทางบริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางต่างๆ พร้อมทั้งยังได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังเหตุการณ์ผ่านระบบกล้อง CCTV ตลอดสายทาง และจัดให้มีการแจ้งเตือนผู้ใช้ทางเกี่ยวกับการปิดการจราจรบนมอเตอร์เวย์ผ่านสื่อต่างๆ และป้าย VMS บนเส้นทางอีกด้วย สำหรับผู้ที่ต้องการสอบถามข้อมูลการปิดการจราจรเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง โทร. 1586 ตลอด 24 ชั่วโมง

title
31
มกราคม
2562

วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม 2562 เวลา 15.30  เเขวงทางหลวงสมุทรสงคราม ได้บูรณาการร่วมกับจังหวัดสมุทรสงคราม เเละหน่วยงานภาคต่างๆ เเก้ไขปัญหา "ฝุ่น PM 2.5" โดยได้ทำการฉีดน้ำล้างทำความสะอาดถนนเเละฝุ่นที่เกิดจากการก่อสร้างต่าง ๆ เเละบูรณาการตั้งจุดตรวจวัดควันดำร่วมกับขนส่ง ทางบกจังหวัดสมุทรสงคราม โดยการสุ่มตรวจจับควันดำจากท่อไอเสียรถยนต์ รถโดยสาร และรถบรรทุก ในเขตพื้นที่จังหวัดสมุทร สงคราม โดยจากการสุ่มตรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อป้องปรามลดการใช้รถยนต์ที่ก่อให้เกิดควันดำและก่อให้เกิดฝุ่น ละออง ซึ่งเป็นการช่วยลดฝุ่นพิษ และค่าอากาศภายในจังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งมีหลายจังหวัดที่ต้องประสบปัญหา มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อหวังลดปริมาณมลพิษ และฝุ่นละออง ขนาดเล็กที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชุมชนเมือง ทั้งนี้นายประจินต์ ธารศิริสิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดได้ลงพื้นที่ดูเเลอย่างใกล้ชิด

ข่าวรับสมัครงาน
    no data
ดูทั้งหมด +
 
ปฏิทินกิจกรรม

ดูทั้งหมด+